05.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 5 แถว K เคาน์เตอร์สายการบิน Air India เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ
08.55 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI 333 (ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชม.) รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน
12.00 น. ถึงท่าอากาศยานอินทิรา คานธี ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่นประเทศอินเดีย ช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และเข้าที่พัก
จากนั้น นำท่านชม วัดอัครชาดาม (AKSHARDHAM TEMPLE) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบฮินดูที่มีขนาดใหญ่สร้างขึ้นโดย Pramukh Swami Maharaj ผู้นำนิกาย Swami Narayan ของศาสนาฮินดู เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับอารยะธรรมอินเดีย และมีการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมและศิลปะต่างๆ
นำท่านชม เมืองเดลีใหม่ ที่มีความใหม่ตามวัฒนธรรมอังกฤษ เมืองหลวงของประเทศอินเดีย ชมศิลปะการก่อสร้างเมืองที่อังกฤษได้สร้างและมีการวางผังเมืองที่ทันสมัย และสวยงามตามวัฒนธรรมของอังกฤษและติดอันดับหนึ่งในนครหลวงของโลก ผ่านชมประตูชัยอินเดีย หรือ “India Gate” หรือประตูเมืองอินเดีย เป็นสิ่งก่อสร้างมีลักษณะคล้ายคลึง L’ Arc de Triomphe ของฝรั่งเศส มีความมุ่งหมายให้เป็นอนุสรณ์แก่ทหารที่พลีชีพในสงครามครั้งสำคัญๆ ของอินเดีย ผ่านชมตึกที่ทำการของคณะรัฐบาลราษฎร์ปติภวัน (Rashtrapati Bhavan) หรือทำเนียบ ประธานาธิบดีของอินเดีย ตั้งอยู่ที่ต้นถนน Rajpath
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ ITC Welcome Dwarka Hotel โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัครา (AGRA) เมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของประเทศอินเดียเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล สลับกันกับเมืองเดลี และเป็นสถานที่ตั้งของทัชมาฮาล เดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศ ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง (ระยะทางประมาณ 236 กิโลเมตร)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่าน ชมอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ทัชมาฮาล (TAJ MAHAL) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาว และหินทรายแดง ประดับประดาด้วยรัตนชาติหลากหลายชนิด ใช้เวลาในการสร้างถึง 22 ปี เพื่อแสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ซาจาร์ฮาล ต่อพระมเหสีมุมตัส มาฮาล ที่สวรรคตเนื่องจากการให้กำเนิดบุตรคนที่14 ภายในทัชมาฮาลนั้นเป็นที่บรรจุร่างของพระนางมุมตัส และกษัตริย์ ซาจาร์ฮาล โดมหินอ่อนสีขาวที่สวยงามโดดเด่น และเปลี่ยนสีไปตามเวลาของแสงแดดที่ทอแสงสาดทัชมาฮาล ให้ท่านเดินชมบรรยากาศโดยรอบ รวมถึงวิวแม่น้ำยมุนาด้านหลัง ที่มองข้ามแม่น้ำไปจะเห็นโครงการ ก่อสร้างแบล็คมาฮาล ซึ่งพระเจ้าซาจาร์ฮาลตั้งใจจะสร้างคู่กับทัชมาฮาล แต่เพราะเหตุอันใด เราพาท่านไปหาคำตอบที่อัคราฟอร์ทกัน
ค่ำ นำท่านชม อัคราฟอร์ท (AGRA FORT) ห่างจากทัชมาฮาลประมาณ 3 กิโลเมตรเป็น พระราชวังที่ยิ่งใหญ่สร้างขึ้นโดยใช้เวลาที่ยาวนานถึงสามยุคของกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล มีลักษณะเป็นกำแพงสองชั้นและป้อมอาคารทางเข้าสี่ทิศ ภายในประกอบด้วยพระราชวัง มัสยิด สวนดอกไม้ สนาม และอาคารทางเดินโดยรอบ ทั้งอาคารหินทรายสีแดง สร้างโดยกษัตริย์อัคบาร์ ที่นี่ยังเป็นที่คุมขังกษัตริย์ซาจาร์ฮาล โดยบุตรชายของพระองค์เอง พระองค์ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต โดยการมองผ่านกระจกเงาที่ตั้งอยู่ในที่คุมขังสะท้อนเงาไปยังทัชมาฮาล ที่ซึ่งมเหสีสุดที่รักของพระองค์ประทับอยู่อย่างนิรันดร์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ Ramada Plaza Hotel โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองชัยปุระ (Jaipur) หรือนครสีชมพู (ระยะทาง 235 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.30 ชม.)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย แวะชม วังฟาติเปอร์สิกรี (Fatehpur Sikri) อดีตเมืองหลวงของจักรวรรดิโมกุล ระหว่างปี ค.ศ. 1571-1585 เมืองที่พระเจ้าอัคบามหาราช ทรงสร้างขึ้นเพื่อหวังจะให้เป็นเมืองหลวงใหม่แต่เนื่องจากเป็นเมืองที่ ไม่มีแม่น้ำไหลผ่านทำให้แห้งแล้ง จนไม่สามารถอยู่ได้จึงได้ทิ้งเมือง และย้ายไปตั้งเมืองหลวง ณ นครอัครา แต่ถึงเมืองจะทิ้งร้างไว้นานก็ยังคงหลงเหลือความงดงามและท่านจะได้เห็นแนวความคิด ที่จะรวมทุกศาสนาเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้าอัคบามหาราช จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองชัยปุระ
นำท่านชม พระราชวังหลวง (City Palace) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 1 ใน 7 ของใจกลางเมือง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยมหาราชา ชัย ซิงห์ และต่อเติมกันเรื่อยมา เป็นสถาปัตยกรรมแบบราชสถาน ที่แสดงถึงลักษณะของศิลปะแบบโมกุลผสมผสานกับศิลปะแบบชัยปุระ นิยมใช้หินอ่อนแกะสลักลวดลายประณีตบรรจง อาทิ ลายนกยูง, ดอกไม้ และพระพิฆเนศได้อย่างอ่อนช้อยงดงาม พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ ประทับของมหาราชาองค์ปัจจุบัน แม้ว่าพระองค์จะไม่มีอำนาจใดๆ แต่ชาวเมืองชัยปุระบางส่วนก็ยังนับถือพระองค์อยู่ ปัจจุบันเปิดให้คนเข้าชมบางส่วน ภายในมีพิพิธภัณฑ์ของมหาราชาแห่งชัยปุระในยุคก่อนๆ อาทิ พรม ภาพเขียน และที่โดดเด่นมากที่สุด คือ ฉลองพระองค์ของมหาราชา มโธ ซิงห์ ที่ 1 ที่มีขนาดใหญ่มาก และฉลองพระองค์ปักดิ้นทองของมหาราณี ที่หนักเกือบ 10 กิโลกรัม รวมถึงหม้อเงินใบยักษ์ 2 ใบ หนักราว 345 กก. และมีพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณจัดแสดงด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
พักที่ Hilton Jaipur Hotel โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม เมืองชัยปุระ (Jaipur) หรือนครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า ไจปูร์ หรือ ไจเปอร์ ท่านมหาราชาไสว ชัย สิงห์ ที่ 2 (Sawai Jai Singh II) เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1728 เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ออกแบบวางผังเมืองได้สวยงาม ชัยปุระเป็นเมืองหลวงของรัฐราชสถาน ได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink City) เพราะในสมัยที่มหาราชา ราม สิงห์ เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองชัยปุระ เวลานั้นอินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1853 เจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุคแห่งเอดินเบอระ พระสวามีของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย เสด็จมาประพาสเมืองนี้ มหาราชาจึงได้สั่งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองร่วมกันทาสีบ้านเรือนด้วยสีชมพู (อมส้ม) ทั้งเมือง เพื่อถวายการต้อนรับ แล้วก็รักษาเอกลักษณ์นั้นไว้ จนได้ชื่อว่า “นครสีชมพู” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชม ฮาวามาฮาล (Hawa Mahal) หรือ พระราชวังแห่งสายลม (Palace of the Winds) สัญลักษณ์สำคัญของเมืองชัยปุระ และเป็นจุดขายของเมืองที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะมาถ่ายรูป สร้างขึ้นโดย มหาราชา ไสว ประตัป ซิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ในปี ค.ศ. 1799 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบราชปุตด้วยหินทรายสีชมพู ที่ถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฎพระนารายณ์ เป็นอาคารขนาด 5 ชั้น มีช่องหน้าต่างฉลุช่องลมสีชมพูอมส้ม 953 ช่อง เพื่อให้เหล่านางในและหญิงสูงศักดิ์ในราชสำนักได้มองดูชีวิตความเป็นอยู่ในตัวเมือง รวมทั้งขบวนแห่ต่างๆ โดยที่บุคคลภายนอกไม่สามารถมองเห็นสตรีเหล่านั้นได้ และนั่นคือที่มาของคำว่า “ฮาวา” ซึ่งแปลว่า “สายลม” นั่นเอง (หน้าต่างทั้ง 953 ช่อง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกำแพงทางทิศตะวันออก ในเขตพระราชฐาน ซึ่งต่อมาจากพื้นที่ของนางในเท่านั้น) ให้ท่านได้เก็บภาพความงามภายนอกอาคาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เด่นของเมืองนี้
จากนั้น พาท่านไปชม ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) และ พระราชวังแอมเบอร์ (Amber Palace) ที่สวยงามตระการตาและยิ่งใหญ่อยู่บนยอดเขา รอบด้านมีกำแพงบนเขาคล้ายกำแพงเมืองจีน พระราชวังแอมเบอร์ เป็นเมืองหลวงโบราณของรัฐชัยปุระ สร้างขึ้นโดย มหาราชา มัน ซิงห์ (Maharaja Man Singh) เมื่อปี ค.ศ. 1592 แต่สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัย มหาราชา ชัย ซิงห์ (Maharaja Jai Singh) ก่อนจะย้ายเมืองหลวงลงมาอยู่พื้นราบที่ชัยปุระ ในปี ค.ศ.1727 ป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อระวังภัยจากศัตรู เรียกได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก และยังใช้เป็นที่ประทับ เนื่องจากภายในมีพระราชวังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และจากพระราชวังแอมเบอร์ สามารถมองเห็น พระราชวังจัลมาฮาล (Jal Mahal) พระราชวังกลางทะเลสาบ ซึ่งสมัยก่อนเคยเป็นที่ประทับของมหาราชา ขณะลงมาล่าสัตว์ด้วย (นำท่านขี่ช้างขึ้นและนั่งรถจิ๊ปลง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางกลับ กรุงเดลี (Delhi) ระยะทางประมาณ 276 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชม.
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารในโรงแรม
พักที่ ITC Welcome Dwarka Hotel โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นทำการเช็คเอาท์ ออกจากที่พัก และนำท่านเดินทางต่อไปยังสนามบินฯ
10.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองศรีนาคา (SRINAGAR) เมืองหลวงของแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 825 ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง (บริการอาหารว่าง ชา กาแฟ บนเครื่อง)
11.50 น. เดินทางถึงสนามบินศรีนาคา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นเดินทางสู่ หุบเขาแกะ หรือ พาฮาลแกม (PAHALGAM) ห่างจากเมืองศรีนาคาไปทางทิศตะวันออกประมาณ 87 กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.) เป็นชุมทางที่คนท้องถิ่นใช้เป็นเส้นทางเข้าสู่เมืองจัมมูและเดลีด้วย
พาฮาลแกม เป็นเมืองที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,130 เมตร เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย ระหว่างทางสองข้างทางท่านจะพบวิถีชีวิตของชาวแคชเมียร์ ร้านขายไม้คริกเก็ต กีฬายอดนิยมของที่นี่ ชาวแคชเมียร์เล่นกีฬาประเภทนี้ตามสนามทั่วไป ไม้คริกเก็ตนี้ทำมาจากต้นหลิว (Willow Tree) ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่จะพบเห็นได้มาก ระหว่างทางสู่เมืองพาฮาลแกม
ค่ำ เดินทางถึงพาฮาลแกม รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย
พักที่ The Chinar Resort & Spa โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้น ท่านสามารถเดินชมหุบเขา มีสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำริดเดอร์ ที่พาฮาลแกมท่านสามารถ ขี่ม้าแคระ (มีคนจูง) ชมความงามของธรรมชาติ ป่าสนขนาดใหญ่และ หมู่บ้านที่มีวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านของชาวแคชเมียร์ เส้นทางการขี่ม้าอาจแตกต่างไปตามฤดูกาล บางช่วงอาจเป็นเส้นทางไต่เขาสูงชัน สำหรับคนกลัวความสูงโปรดพิจารณาก่อนตัดสินใจว่าจ้าง การขี่ม้าจะใช้เวลาไป - กลับประมาณ 1-2 ชั่วโมง (ค่าขี่ม้าไม่รวมในราคาทัวร์ ประมาณ 700 รูปี/ท่าน)
จากนั้น นำท่าน ชมสินค้าพื้นเมือง เช่น พรมแคชเมียร์ ผ้าคลุมไหล่ ฯลฯ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในโรงแรม
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองศรีนาคา (SRINAGAR) ระยะทางประมาณ 87 กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.)
เมืองศรีนาคา (SRINAGAR) หรือ ศรีนคร เมืองหลวงฤดูร้อนแห่งแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ เป็นเมืองที่เป็นที่หมายของนักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติที่มาเยือนจากทั่วโลกมาเป็นศตวรรษ ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาแคชเมียร์ ที่ระดับความสูง 1,730 เมตร ได้เชื่อว่า เป็นดินแดนแห่งทะเลสาบและสายน้ำ สวนดอกไม้และงานศิลปะที่ประดิษฐ์จากไม้ ศรีนาคาตั้งอยู่ 2 ผั่งของแม่น้ำเฌลัม (JHELUM RIVER) ดังนั้นจึงมีสะพานข้ามแม่น้ำสายนี้อยู่ 7 สะพาน และแม้ว่าแต่ละสะพานจะมีชื่อแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ชาวเมืองจะเรียกสะพานด้วยลำดับการสร้าง เช่นสะพานที่สร้างขึ้นเป็นสะพานแรกจะได้ชื่อว่าสะพานหมายเลขศูนย์ (ZERO BRIDGE) ซึ่งนับตามการนับของชาวแคชเมี ยร์ ด้วยความงดงามของหุบเขาแคชเมียร์นี้เอง ใน ศตวรรษที่ 17 จักรพรรดิซาฮังคีร์และพระนางนูรซาฮาน (พระบิดาและพระมารดาของพระเจ้าซาร์จาฮานผู้ทัชมาฮาล) ได้เสร็จมาจากเมืองอัครา เพื่อมาเยือนดินแดนในแถบนี้ และทรงโปรดปรานทิวทัศน์แห่งหุบเขาแคชเมียร์มาก จนมีพระบัญชาให้สร้างลานหินอ่อนเพื่อเป็นทางลงไปยังทะเลสาบ สร้างสวนดอกไม้และบ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง เพื่อเป็นที่ทรงพระสำราญ และแม้เวลาใกล้สิ้นพระชนม์ จักรพรรดิซาฮังคีร์ยังมีพระประสงค์ที่จะเสด็จมาที่หุบเขาสวรรค์แห่งนี้ ดังพระดำรัสสุดท้ายว่าไม่ทรงประสงค์สิ่งอื่นใดนอกจาก ”แคชเมียร์”
นำท่านเดินทางไปชม สวนโมกุล ที่ตั้งอยู่รอบทะเลสาบดาล ชม สวนชาลิมาร์ (SHALIMAR GARDEN) ก่อสร้างโดยจักรพรรดิ JEHANGIR เพื่อภรรยาของเขา Nur Jehan สวนชาลิมาร์ เป็นสวนดอกไม้ที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์โมกุลในเมืองศรีนาคา แคชเมียร์ เป็นแคว้นที่มีชื่อเสียงในการจัดสวนตามแบบสมัยของราชวงศ์โมกุลเนื่องจากภูมิอากาศเย็นเหมาะสมในการเจริญเติบโตของต้นไม้ดอกไม้ จึงกลายเป็นที่ประทับพักผ่อนของกษัตริย์ราชวงศ์โมกุลในอดีต มีระยะทาง 15 กิโลเมตร จากศูนย์ต้อนรับการท่องเที่ยว (TRC) สวนที่สวยงามแห่งนี้มีทิวทัศน์กว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่อื่นๆ สวนแห่งนี้มีขนาด 539 x 182 เมตร และมีลานกว้าง 4 แห่ง มีหนึ่งแห่งยกตัวขึ้นสูงกว่าที่เหลือ มีคลองพร้อมด้วยหินในลำคลองที่มันวาวทอดผ่านกลางสวน ลานแห่งที่ 4 ตั้งอยู่ที่ Beautiful Baradari บ้านพักฤดูร้อนมีวงแหวนของเสาหินที่สร้างจากหินอ่อนสีดำ ซึ่งนำมาจาก Pampore ถือเป็นจุดหมายสำหรับผู้มาเยี่ยมเยือนซึ่งเป็นธรรมเนียมของคู่รักโดยการจารึกชื่อคนรักลงบนที่ว่างของลาน
นำท่านชม สวนนิชา (NISHAT GARDEN) เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุด มีต้นเมเปิลอายุกว่า 400 ปี ต้นปอปลาร์ ต้นทิวลิป และ ดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล ตั้งอยู่บนฝั่งของทะเลสาบดาลมีภูเขา ZABARWAN ตั้งเป็นฉากหลัง ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรจากถนนเลียบฝั่งทะเลสาบ นี่คือ “สวนแห่งความสุข” มีวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบที่งดงามและหิมะบนยอดเขาของเทือกเขา PANJAL ซึ่งตั้งตระหง่านไปทางทิศตะวันตกของหุบเขา สวนนิชาถูกออกแบบในปี ค.ศ.1632 โดย ASAF KHAN พี่ชาย NUR JEHAN ครั้งหนึ่งสวนนี้เคยมีระเบียงยื่นลงไปทางทะเลสาบ แต่มีคนเข้าไปถึงจุดนั้นน้อยมากจึงได้ถูกความทันสมัยเข้าครอบงำ ด้วยการตัดถนนและมีร้านรวงข้างถนน ครั้งหนึ่งเคยมีน้ำพุและทางน้ำแสดงอยู่ แต่ตอนนี้น้ำได้แห้งขอดไปหมดแล้ว จากนั้นนำท่านชมโรงงานพรมเปอร์เซีย
จากนั้น นำท่านเข้าพักบ้านเรือ ในทะเลสาบดาล หรือ ทะเลสาบนากิน
บ้านเรือ หรือ House Boat ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยที่ดินแดนแถบนี้ ยังมีอังกฤษเป็นเจ้าประเทศอาณานิคมอยู่ แต่ชาวอังกฤษเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ถือครอง ที่ดิน พวกเขาจึงได้สร้างเรือเอาไว้เป็นที่พักอาศัยแทน เมื่อได้รับเอกราชแล้ว เรือเหล่านี้ก็ถูกแปรสภาพมาเป็นโรงแรมและบ้านพัก ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังแคชเมียร์จนถึงทุกวันนี้
House Boat ตั้งอยู่ริม “ทะเลสาบดาล” (Dal Lake) และ “ทะเลสาบนากิน” (Nagin Lake) ทะเลสาบงามที่มีชื่อเสียงของเมืองศรีนาคา House Boat สร้างจากไม้เนื้อแข็งชั้นดี อย่างไม้ซีดัลที่มีกลิ่นหอม และแกะสลักลายไม้ด้วยศิลปะของแคชเมียร์ทั้งลำ ภายในมีทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องโถง ตลอดจนห้องน้ำ รวมทั้งมีเครื่องทำความร้อนให้ความอบอุ่นด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของบ้านเรือ
พักที่ Khyber Group of Houseboat ในทะเลสาบดาล หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ บ้านเรือที่พัก
จากนั้น ออกเดินทางสู่ กุลมาร์ค (GULMARG) (โดยรถ 4WD โตโยต้า อินโนว่า คันละ 4 ท่าน) ชาวแคชเมียร์กล่าวขานว่า Meadow of Flower หรือ ทุ่งหญ้าแห่งดอกไม้ เป็นเส้นทางที่มุ่งสู่ชายแดนปากีสถาน ระยะทาง 56 กิโลเมตรจากศรีนาคา (ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.)
กุลมาร์ค เป็นแหล่งท่องเที่ยวในฤดูหนาว มีระดับความสูง 2,730 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในช่วงฤดูร้อนที่นี่เป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟที่สูงที่สุดในโลก โดยรอบจะพบเห็นกระท่อมรูปทรงแบบในเทพนิยาย ซึ่งมีป่าสนอยู่เบื้องหลัง ในช่วงฤดูหนาวที่นี่ยังเป็นสถานที่เล่นสกีในฤดูหนาว ที่ค่าเช่าสกีจัดได้ว่าถูกที่สุดก็ว่าได้ และในปัจจุบันยังเป็นสถานที่ตั้งสนามกอล์ฟ 18 หลุม ที่สูงที่สุดในโลก (3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล) และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อีกด้วย ตลอดเส้นทางสู่กุลมาร์คจะผ่านทุ่งนาข้าว หมู่บ้านชาวพื้นเมือง ฝูงแกะตามภูเขา และเทือกเขาหิมะสลับซับซ้อนสวยงาม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านขึ้น เคเบิลคาร์ เฟส 1 (กระเช้าลอยฟ้า หรือกอนโดล่า) ไปจนถึงยอดเขากุลมาร์ค ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขากุลมาร์ค ท่านจะพบเห็นหมู่บ้านยิปซีในเบื้องล่าง ซึ่งจะอพยพไปอยู่ที่เมืองจัมมูในช่วงฤดูหนาว จะกลับมาอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อน เมื่อถึงยอดเขากุลมาร์คถ้าหากฟ้าเป็นใจไม่มีหมอก จะทำให้ท่านได้ถ่ายรูปกับทิวทัศน์ภูเขาที่บางยอดยังมีหิมะปกคลุมสวยงามในทุกทิศทาง (ท่าน สามารถเล่นสกีได้ระหว่างช่วงฤดูหนาว-ใบไม้ผลิ มี.ค.-เม.ย.) รวมถึงยอดเขา K2 ที่สูงเป็นอันดับสองรองจากยอดเขาเอเวอร์เรสต์
จากนั้น อิสระให้ท่านถ่ายรูปทิวทัศน์ของภูเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
กิจกรรมแบบแคชเมียร์ให้ท่านได้ลองหาประสบการณ์ การนั่งเลื่อน (มีคนลาก) สู่เนินหิมะด้านบนจากนั้นปล่อยให้ลื่นไหลลงมา (ค่าเลื่อนไม่รวมในราคาทัวร์ โปรดสอบถามรายละเอียดจากหัวหน้าทัวร์)
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับศรีนาคา
นำท่านชม จามามัสยิด (JAMA MASJID) ซึ่งสร้างเป็นครั้งแรกในสมัยสุลต่านสิคานเดอร์และบูรณะต่อมาอีกหลายสมัย เป็นมัสยิดที่สร้างด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบจีนและเนปาล ด้วยหลังคาทรงสี่เหลี่ยม ภายในมีเสาที่ตัดจากต้นซีดาลทั้งต้น กว่า 300 ต้น เรียงรายอยู่ (ท่านสามารถทำบุญและบริจาคช่วยทำนุบำรุงสถานที่ได้ก่อนเข้าชม)
ได้เวลาอันสมควรก่อนกลับที่พัก ให้ท่านได้ ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ที่ตลาดใกล้ๆ กับมัสยิด เช่น ผ้าพันคอ รองเท้าสไตล์อินเดีย ฯลฯ
นำท่านเช็คอินเข้าพักในโรงแรมที่ศรีนาคา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
พักที่ Namrose Hotel and Spa โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ โซนามาร์ค (SONAMARG) ซึ่งจะพบทิวทัศน์ที่น่าตื่นเต้นตามทางที่ไต่ความสูงขึ้น พร้อมทิวทัศน์ของชาวชนบทแคชเมียร์ ความสูงไล่ขึ้นไปถึงระดับ 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะห่างจากศรีนาคา 96 กิโลเมตร และมีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลัง ที่เรียกขานตามท้องถิ่นว่า ทาจิวาส ภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี มีแม่น้ำสินธุ ลดเลี้ยวผ่านหุบเขาในอีกฟากของถนน “โซนามาร์ค” เป็นสถานีเริ่มต้นที่จะมุ่งหน้าไปยังลาดัคห์ หรือชื่อ “ประตูสู่ลาดัคห์”
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ท่านสามารถเดินชมธรรมชาติสัมผัสอากาศที่หนาวเย็น ชมวิวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนจนแสบตา และสองฝากฝั่งถนนที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็ง ถนนบางช่วงต้องตัดผ่านช่องน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่นี่จะมีกิจกรรมแบบแคชเมียร์ให้ท่านได้ลองหาประสบการณ์ การนั่งเลื่อน (มีคนลาก) สู่เนินหิมะด้านบนจากนั้นปล่อยให้ลื่นไหลลง ลงมา (ค่าเลื่อนไม่รวมในราคาทัวร์ โปรดสอบถามรายละเอียดจากหัวหน้าทัวร์) สำหรับท่านที่ห ลงใหลในธรรมชาติ สามารถขี่ม้าชมความงามของกราเซียร์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น (ค่าขี่ม้าไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์)
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับศรีนาคา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
พักที่ Namrose Hotel and Spa โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้าตรู่ นำท่าน ล่องเรือสิคารา (เรือพายแบบแคชเมียร์) ในทะเลสาบดาล ให้ท่านได้ชื่นชมทัศนียภาพของเทือกเขาที่ล้อมรอบทะเลสาบ นกนานาชนิด พืชดอกไม้น้ำ ทะเลสาบใสสวยงาม (ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1 ชม.)
จากนั้น กลับมารับประทานอาหารเช้า ณ บ้านเรือที่พัก
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางต่อไปยังสนามบินเมืองศรีนาคา
12.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเดลี โดยสายการบิน แอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 826
14.05 น. เดินทางถึงสนามบินเดลี
นำท่าน ช้อปปิ้งที่ตลาดจันพาธ ซื้อของฝากคนน่ารักที่บ้าน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย Ego Thai
พักที่ ITC Welcom Dwarka Hotel โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
10.30 น. ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ
13.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI 332
รับประทานอาหารกลางวันบนเครื่อง แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
19.35 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ / กรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ
10 LADKRABANG42 LADKRSBANG BANGKOK 10520 THAILAND